เด็กข้างบ้าน - เด็กข้างบ้าน นิยาย เด็กข้างบ้าน : Dek-D.com - Writer

    เด็กข้างบ้าน

    เด็กข้างบ้านสองคนนั้นทำให้วันหยุดแสนสงบหายไป.....................

    ผู้เข้าชมรวม

    124

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    124

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ก.พ. 57 / 01:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น








     

    เรื่องย่อ

                      เมื่อข้างบ้านของ อิดิธ สมิธ เด็กสาวชาวอังกฤษผู้รักความสงบไม่ได้ว่างอีกต่อไป
    บ้านทางฝั่งซ้ายมีครอบครัวชาวจีนย้ายเข้ามาอยู่ส่วนบ้านทางฝั่งขวาที่เป็นของหญิงวัยกลางคนชาวอเมริกัน
    ตอนนี้ก็มีหลายชายมาอยู่ด้วย ทำให้อิดิธได้รู้จักกับ หวัง จื่อเทา เด็กหนุ่มชาวจีนเจ้าของเสียงที่อิดิธคิดว่าน่ารำคาญที่สุดและ  ฮาร์วีย์ มิลเลอร์ เด็กหนุ่มชาวอเมริกันเจ้าของเสียงดนตรีที่พรากชีวิตที่แสนสงบสุขของอิดิธไป

    ทั้งสัญชาติที่ต่างกัน นิสัยที่ต่างกันแต่ใครจะรู้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ.........


    :) Shalunla
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เด็กข้างบ้าน

                      ภาพทิวทัศน์เดิมของกรุงลอนดอน ที่เต็มไปด้วยรถมากมายบนถนน ตึกรามบ้านช่องที่ตั้งเรียงรายติดกันไป และยังผู้คนมากมายที่เดินกันอย่างขวักไขว่ เป็นภาพที่ อิดิธ สมิธ เด็กสาว        ชาวอังกฤษเจ้าของเส้นผมหยักศกที่น้ำตาลแดงเห็นมาตลอด14ปีเต็ม ยิ่งตอนนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้วด้วยผู้คนก็ดูจะมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

                    อิดิธก้าวลงจากรถโรงเรียนเดินไปตามทางเดินของหมู่บ้านวิลล์สัน สถานที่ที่อิดิธคิดว่า  สงบสุขที่สุด ลักษณะของบ้านที่นี่เป็นทาวเฮาท์ 3 ชั้นเรียงรายติดกันไป ภายนอกเป็นอิฐโทนสีน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ เคร่งขรึม และดูสงบไปในตัว มีคนอาศัยอยู่ไม่มากนัก อิดิธคิดว่า     เป็นเพราะคนสมัยนี้คงเลือกที่จะอาศัยอยู่ตามคอนโดหรูดีไซน์เก๋ราคาแสนแพงกัน ละแวกบ้านแถวจึงนี้ดูเงียบเชียบขึ้นไปอีก

                     อิดิธอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เธอเกิด ด้วยความที่อิดิธเป็นลูกคนเดียว อีกทั้งพ่อกับแม่ยังเป็นคนเรียบง่าย อิดิธจึงไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่ เธอไม่ใช่คนเงียบแต่เธอก็ไม่ใช่คนพูดมากเช่นกัน อิดิธจึงคิดว่าหมู่บ้านวิลล์สันเป็นสถานที่ที่เหมาะกับเธอที่สุด

                     อิดิธไม่มีเพื่อนบ้านให้รำคาญบ้านทางฝั่งขวาเป็นของหญิงวัยกลางคนชาวอเมริกันที่นานๆจะมาพักที่อังกฤษสักที ส่วนทางฝั่งซ้ายก็ปล่อยว่างให้เช้ามาตลอดหลายปี...................แต่ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่บ้านหลังนี้จะว่าง อิดิธมองไปยังบ้านทางฝั่งซ้ายที่ตอนนี้มีรถขนเฟอร์นิเจอร์จอดอยู่ พร้อมข้าวของอีกเล็กน้อยที่วางอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะเดินผ่านเด็กผู้ชายร่างอวบ ตาตี่ ผิวขาวค่อนไปทางเหลือง ดูเหมือนชาวเอเชียที่กำลังยืนยิ้มยิงฟันให้เธออยู่ตอนนี้ไป และได้แต่หวังว่าเพื่อนบ้านใหม่จะไม่ทำให้ชีวิตที่แสนสงบของเธอจบลง

                   “กลับมาแล้วค่ะดิอิธกล่าวทักทายคุณนายสมิธเจ้าของเลือนผมหยักศกสีน้ำตาลแดงแบบเดียวกับตนเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อช่วยผู้เป็นแม่เตรียมอาหารเย็น

                  “แม่คะ บ้านทางฝั่งซ้ายมีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วค่ะอิดิธบอกผู้เป็นแม่

                  “แม่เห็นแล้วจ้ะ เป็นครอบครัวชาวจีน รู้สึกจะมีลูกชายรุ่นราวคราวเดียวกับลูกด้วย คุณนายสมิธตอบ

                  “เหมือนหนูจะเจอเขาแล้วอิดิธพูดพลางนึกถึงเด็กชายที่ยืนยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร

                  “ดีแล้วจ้ะ ทำความรู้จักกันเข้าไว้คุณนายสมิธพูดด้วยความยินดี

                 “หนูว่าชาวเอเชียดูน่ารำคาญอิดิธพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

                 “ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอกจะ หัดทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆบ้างสิ ดูสิ พวกเขาเอาของฝากจากจีนมาให้เราด้วยนะคุณนายสมิธพูดพร้อมชูถุงของฝากในมือขึ้น

                  “หนูหวังว่าพวกเขาจะไม่ส่งเสียงดังอิดิธพูดโดยไม่สนใจของฝากที่อยู่ในมือผู้เป็นแม่

                  “ลูกนี่นะ เอ้า! ยกนี่ไปไว้ที่โต๊ะไป เดี๋ยวพ่อกลับมาจะได้ทานมื้อเย็นกันคุณนายสมิธพูดตัดบท

      มื้อเย็นดำเนินไปตามปกติโดยที่หัวข้อบทสนทนาบนโต๊ะอาหารวันนี้ก็หนีไม่พ้นเรื่องของเพื่อนบ้านใหม่ชาวจีน

                  หลังจากมื้อเย็นอิดิธก็ขึ้นห้องและใช้เวลากับงานอดิเรกสุดโปรดอย่างการอ่านหนังสือ     อิดิธชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะของประเทศอะไรก็ตาม

                 “ฮ่าว! ที่นี่อากาศเย็นจังเลยฮะแม่เสียงที่ดูร่าเริงกับสำเนียงภาษาอังกฤษที่ฟังดูทะแม่งๆลอยมาเข้าหูของอิดิธหลังจากที่เธอเปิดหนังสือไปเพียงไม่กี่หน้า ฟังดูก็เดาได้ไม่อยากว่าเป็นเสียงของใคร..........ของบ้านทางฝั่งซ้ายยังไงหล่ะ

                “แม่ฮะ ผมว่าโซฟาควรอยู่ตรงนั้นจะดีกว่าอีกหนึ่งประโยคลอยมา ก่อนจะตามด้วยอีกหลายๆประโยค  อิดิธตัดสินใจเดินไปปิดหน้าต่างแต่ก็ยังคงได้ยินเสียงแสนน่ารำคาญนั่นอยู่ อิดิธจึงปิดหนังสือลงด้วยความหงุดหงิด และเข้านอนทันที

                เช้าวันใหม่ที่แสนงัวเงียของอิดิธเริ่มต้นขึ้น ดีที่ตอนนี้เป็นวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบจะเข้าสู่วันใหม่ สำเนียงภาษาอังกฤษสุดแปลกยังคงติดหูอยู่ อิดิธรู้แทบทุกความเป็นไปของครอบครัวชาวจีนเช่น โต๊ะวางอยู่ตรงไหน ทีวีวางอยู่ตรงไหน น้ำในห้องน้ำเย็นเกินไป หรือจะเป็นตอนที่เด็กชายชาวจีนบอกราตรีสวัสดิ์พ่อแม่...นั่นเป็นตอนที่อิดิธได้นอน

                อิดิธจัดการกับอาหารเช้า ก่อนจะเดินออกไปทิ้งขยะหน้าบ้านซึ่งเป็นหน้าที่ประจำของเธอ

                “สวัสดีเสียงที่ทำให้อิดิธนอนไม่หลับดังขึ้น

               “ฉันชื่อจื่อเทานะ หวังจื่อเทา เรียกเทาเฉยๆก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก เธอ.......เด็กหนุ่มแนะนำตัว

               “อิดิธ...อิดิธ สมิธอิดิธตอบกลับ

               “ฉันมาเที่ยวที่นี่หนึ่งอาทิตย์หน่ะ อยู่บ้านข้างๆเธอเทาพูดพร้อมยิ้มยิงฟัน

               “ฉันรู้แล้วหละ และฉันก็คิดว่าโซฟาบ้านนายไม่ควรวางใกล้หน้าต่างเพราะมันจะหนาวมากเวลามีลมเข้าอย่างที่บอกอิดิธรู้แทบทุกอย่างว่าอะไรอยู่วางอยู่ตรงไหน อิดิธพูดแล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน

               “เธอคิดว่าอย่างนั้นหรอ ฮ่าว!.........ว่าแต่เธอรู้ได้ไงกันอิดิธได้ยินเสียงพูดที่ลอยตามมาก็ถึงกับถอนหายใจ

               ช่วงบ่ายที่น่าเบื่อในวันหยุด ไม่มีอะไรน่าทำมากไปกว่าการนอนกลางวัน ขณะที่เปลือกตากำลังจะปิดลงเสียงกลองดังสนั่นก็ลอยเข้าหูอิดิธ

                 “อะไรกันอีกนะอิดิธบ่นออกมา

                 แต่คราวนี้เสียงไม่ได้ดังมาจากบ้านทางฝั่งซ้ายแต่ดังมาจากบ้านทางฝั่งขวา สร้างความแปลกใจให้อิดิธอย่างมากเธอคิดว่าหญิงวัยกลางคนชาวอเมริกันคงไม่น่าจะมานั่งตีกลองในเวลานี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เธอคิดได้คือชีวิตที่แสนสงบของเธอคงจบลงตรงนี้

                วันที่ 3 ของการมีเพื่อนบ้านที่อิดิธไม่คิดว่าดีสักนิด อิดิธรู้มาว่าบ้านทางฝั่งซ้ายตอนนี้มีหลานชายย้ายมาอยู่ด้วยนั่นคงเป็นที่มาของเสียงกลองที่ได้ยินเมื่อวาน ในช่วงบ่ายมีเสียงออดดังขึ้นอิดิธจึงเดินไปเปิดประตูแล้วก็พบเข้ากับใบหน้าที่ชวนให้นึกถึงสัตว์ประจำชาติของจีนอย่างแพนด้า.......จื่อเทานั่นเอง โดยมีเด็กหนุ่มตัวสูง ผิวขาวซีด ผมสีบลอนด์ยืนหน้าไม่แสดงอารมณ์อยู่ข้างหลัง

                “สวัสดีอิดิธเทากล่าวทักทาย

                “เราขอเข้าไปนั่งเล่นบ้านเธอได้ไหมเทาพูดจุดประสงค์ออกไป

                “ได้สิจ๊ะ เด็กๆเข้ามาเลย เดี๋ยวน้าจะทำของว่างให้ทานเสียงผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นก่อนที่อิดิธจะได้ตอบอะไร

                “อิดิธดูแลแขกด้วยนะจ๊ะคุณนายสมิธพูดทิ้งท้ายก่อนเดินหายไปในห้องครัว อิดิธจึงทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

                “ขอบคุณฮะเทากล่าวขอบคุณ

                “ฮ่าว! บ้านเธอสวยจังเทาพูดเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน

                “ฮ่าวคืออะไรในที่สุดอิดิธก็ถามคำถามที่อยากรู้มานาน

                “ฮ่าวในภาษาจีนแปลว่าดีหน่ะ มันเป็นคำอุทานที่ติดปากของฉัน จริงสิอิดิธ นี่ฮาร์วีย์ มิลเลอร์ อยู่บ้านทางฝั่งขวาของเธอ เขามาเที่ยวปีใหม่เหมือนฉันหล่ะเทาพูดแนะนำเพื่อนใหม่

                “สวัสดีเสียงทักทายแสนห้วนหลุดออกมาจากปากเด็กชายตัวสูง ฟังแล้วไม่เข้าหูอิดิธ    เลยสักนิด

                “นายคงเป็นคนที่เล่นกลองเสียงดังสนั่นเมื่อวานอิดิธย้อยนึกถึงเสียงที่ทำให้เธอไม่ได้นอนกลางวัน

                “ใช่ฉันเองเด็กหนุ่มตอบรับอย่างไม่เดือดร้อน

                “นายควรจะเกรงใจเพื่อนบ้านบ้างอิดิธพูดตำหนิ

                 “ฉันว่าเขาก็เล่นมันส์ดีนะเทาพูดเสริมขึ้นมา

                  ก่อนจะเกิดสงครามขนาดย่อมคุณนายสมิธก็เดินเข้ามาพร้อมอาหารว่าง เด็กๆลืมเรื่องที่คุยกันและเริ่มลงมือจัดการกับอาหารว่างน่าทานทันที จากนั้นก็เริ่มคุยเรื่องไร้สาระกัน สุดท้ายวันนี้ก็ยังไม่ใช่วันแสนสงบของอิดิธ

                   วันที่ 4 ของการมีเพื่อนบ้านอิดิธยังคงได้ยินเสียงเทาคุยกับพ่อแม่และเสียงดนตรีของฮาร์วีย์ วันนี้เด็กๆไปปักหลักที่บ้านของเทาเนื่องจากเมื่อวานเทาบอกว่าที่บ้านของตนมีหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนอยู่เยอะ ด้วยความสนใจอิดิธจึงลืมเรื่องเสียงที่น่ารำคาญของเทาและตกลงมาบ้านของเทาในวันนี้ บ้านของเทาเต็มไปด้วยของตกแต่งโทนสีแดง อิดิธสังเกตเห็นว่าโซฟาตั้งอยู่ห่างจากหน้าต่างตามคำแนะนำก็เผลอยิ้มออกมา ในช่วงบ่ายก็ต่อด้วยการไปบ้านฮาร์วีย์ บ้านของฮาร์วีย์บ่งบอกถึงความเป็นผู้ดีทุกอย่างในบ้านล้วนดูมีค่าและราคาแพง นอกจากนั้นยังมีเครื่องดนตรีมากมายหลายชนิด อิดิธปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนที่ฮาร์วีย์จับเครื่องดนตรีดูมีเสน่ห์มาก เขาดูไม่เย่อหยิ่งกลับกันเขาดูเป็นมิตรเอามากๆ วันนี้อิดิธขึ้นนอนอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยโดยลืมนึกถึงเสียงที่น่ารำคาญของเทาและเสียงดนตรีของฮาร์วีย์ไป.....หรือว่าเธอจะชินแล้วกันนะ

                   วันนี้วันที่ 31 ธันวาคมวันสุดท้ายของปี2013 อิดิธเดินเข้ามาในบ้านช่วงเย็นด้วยความหงุดหงิดหลังกลับมาจากการเที่ยวตามคำชวนของเทาที่ขอให้อิดิธเป็นไกด์ให้ ทีแรกก็ดูจะไปได้ด้วยดีอิดิธเลือกที่จะพาเทาและฮาร์วีย์ไปพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เทาเดินพูดไม่หยุดพร้อมกับชี้นกชี้ไม้ไปเรื่อย ฮาร์วีย์ชอบบ่นว่าเมื่อย ส่วนอิดิธก็เดินบ่นเทาและฮาร์วีย์ จนในที่สุดก็เกิดสงครามระหว่างเด็กทั้งสามคนขึ้น การทะเลาะครั้งนี้เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อแต่ละคนก็ยกข้อเสียของอีกคนขึ้นมาพูด จนในที่สุดทั้งสามก็แยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อเห็นว่าสงครามนี้คงไม่มีทางจบลง อิดิธคิดว่าเป็นเรื่องแย่มากที่เธอได้มารู้จักกับเทาและฮาร์วีย์

      เวลาล่วงเลยไปจนเหลือนาทีสุดท้ายของปี 2013 อิดิธได้ยินเสียงกีตาร์ของฮาร์วีย์ลอยมาเลยได้แต่นึกตำหนิอยู่ในใจ ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของเทาของมาจากอีกฝั่ง แต่แปลก.......แปลกมากๆที่เสียงร้องเพลงทางฝั่งซ้ายของเทากับเสียงกีตาร์ทางฝั่งขวาของฮาร์วีย์เป็นเพลงเดียวกัน ทำนองเดียวกันที่สำคัญพวกเขาสองคนยังบรรเลงพร้อมกัน เป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆที่อิดิธคิดว่าเสียงของเทาไม่น่ารำคาญและเสียงดนตรีของฮาร์วีย์ก็เพราะมากๆ เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงนับเลขถอยหลังดังขึ้น

      5...4...3...2...1...0 เสียงของเทา ฮาร์วีย์และอิดิธดังออกมาจากบ้านสามหลังที่อยู่ติดกันพร้อมเสียงพลุที่ดังขึ้น ปกติอิดิธไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับปีใหม่...ปีนี้เป็นปีแรก อิดิธเดินออกไปยืนที่ระเบียงก็เจอกับเทาที่ยืนอยู่ระเบียงบ้านทางฝั่งซ้ายและฮาร์วีย์ทางฝั่งขวา

                “ฮ่าว! พลุสวยจังเทาพูดขึ้น

                “อากาศเย็นมากฮาร์วีย์พูดต่อ

                “เสียงพลุน่ารำคาญมากอิดิธพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เด็กทั้งสามจะหัวเราะออกมา

                “ความจริงพวกนายก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แล้วเพลงก็เพราะมากอิดิธพูดขณะมองดูพลุบนท้องฟ้า

                “เรื่องเพลงฮาร์วีย์เป็นต้นคิดหละเทาพูดพร้อมมองไปที่ฮาร์วีย์ มันตลกมากที่ตอนนี้หน้าของฮาร์วีย์เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อและกำลังจะลามไปถึงใบหู

                 “นายหน้าแดงหละฮาร์วีย์เทาพูดแซวพร้อมหัวเราะออกมา

                “เพราะอากาศมันเย็นมากไงเล่าฮาร์วีย์บอกปัด แล้วเสียงหัวเราะทั้งสามก็ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

                “เด็กๆเข้านอนได้แล้วเป็นเสียงคุณนายสมิธนั่นเองที่ดังแทรกเข้ามา 

                เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอวันนี้เป็นวันที่เทาจะกลับจีนและฮาร์วีย์จะกลับอเมริกา

                “พวกนายห้ามลืมฉันนะเทาพูดพร้อมเบะปากเหมือนจะร้องไห้

                “ใครจะลืมนายลงกันฮาร์วีย์พูด

                “อิดิธ......ฉันให้ เผื่อเวลาที่เธอนึกถึงฉันเทาพูดพร้อมยื่นหนังสือประวัติศาสตร์จีนเล่มหนึ่งให้อิดิธ

                “ส่วนนี่ของฉันฮาร์วีย์พูดขึ้นบ้างพร้อมยื่นซองผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินให้ อิดิธรับมาพร้อมเปิดดู ข้างในนั้นมีออร์แกนเป่าปากขนาดเล็กอยู่

                “คือฉันไม่ค่อยได้เล่นมันและ......เผื่อบ้านเธอจะเงียบไปฮาร์วีย์พูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีอีกครั้ง

                “ขอบคุณมากนะเทา ขอบคุณมากนะฮาร์วีย์ อิดิธพูดขึ้น

                “พวกนายรู้ไหมว่าฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ฉันไม่ชอบเสียงดัง ฉันรักความสงบ แต่ตอนนี้ฉัน.....คงรู้สึกแปลกๆถ้าไม่ได้ยินเสียงเทา หรือเสียงดนตรีของฮาร์วีย์อิดิธพูดเสียงเริ่มสั่นเครือ

                เทาน้ำตาไหลออกมาคนแรกตามด้วยอิดิธ และแม้กระทั่งฮาร์วีย์ จากนั้นทั้งสามก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เทาและฮาร์วีย์สัญญาว่าจะมาที่อังกฤษตอนปิดเทอมใหญ่

      เทา.................................................พูดมากและติดจะน่ารำคาญในบางครั้ง

      แต่เขาคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ

      ฮาร์วีย์.............................................ภายนอกดูเย่อหยิ่ง ไม่สนใจโลก

      แต่ความจริงก็ใส่ใจคนอื่นมากกว่าที่คิด

                 เด็กข้างบ้านสองคนนั้นทำให้วันหยุดแสนสงบของอิดิธหายไปแต่กลับสร้างวันหยุดที่  แสนสนุกให้อิดิธแทน เมื่อไหร่จะถึงปิดเทอมใหญ่กัน อิดิธได้แต่คิด..............

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×